(ภาพประกอบจาก Teresa Gonçalves )
มีคำถามนี้ถามมามากนะครับ สำหรับพ่อค้าแม่ค้า มือใหม่ มือเก๋า sme start Up ทั้งหลาย ที่ต้องการผลิตสินค้า ทอดกรอบ อบกรอบ คั่วกรอบ หรืออะไรก็ตามที่ต้องการให้กรอบๆ นานๆ
พูดจากใจจริง รวมไปถึงงาน research ของผมเองที่เคยทำสินค้าประเภทนี้มาก่อน และในฐานะคนขาย packaging ขอบอกเลยว่า ไม่มีถุงตัวไหนสามารถยืดอายุสินค้าได้มากขึ้น และไม่มีถุงตัวไหนที่ป้องกันการเหม็นหืนได้ 100%
ก่อนที่จะขึ้นห้างได้ เริ่มแรกก่อนที่จะมองหา Packaging คือเราต้องมองดูตัวเองก่อนว่า สินค้าเราอยู่ได้นานเท่าไหร่
(แพคเกจสวยแต่ของไม่อร่อย = ขายได้ครั้งเดียว)
ขั้นตอนที่ 1 : เริ่มแรกต้อหา Self-life ของอาหารคุณก่อน เช่นสมมุติว่าคุณทำทุเรียนทอดกรอบ หลังจากทำเสร็จให้บรรจุอยู่ในถุงเก็บอาหาร หรือถุงซิปล็อค พร้อมซีลปิดปากถุงเพื่อกันอาอาศเข้า หรือกล่องพลาสติกสำหรับใส่อาหาร 7-30 กล่อง แล้วต้องเปิดกินด้วยตัวเองทุกวัน วันไหนเริ่มไม่กรอบ หรือเหม็นหืนแสดงว่าหมดอายุแล้ว (ลองเปลี่ยนน้ำมัน เปลี่ยนสูตรไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอว่าน้ำมันแบบไหน ทำให้หืนน้อยที่สุด ทอดสูตรไหนทำให้กรอบนานที่สุด ลองซัก 10-20 สูตร แล้วจดดูว่าแบบไหน work ที่สุด) จงอย่าคิดว่าสูตรเดิมจะดีที่สุด
(การใช้น้ำมันที่เหมาะสมกับประเภทสินค้า ภายชนะที่สะอาด ส่วนผสมต่างๆ และอุณหภูมิห้องที่เหมาะสม มีผลต่ออายุสินค้าทั้งหมด)
การที่สินค้าได้ถูกบรรจุอยู่ในภายชนะที่มิดชิด สะอาด เป็นแค่ส่วนนึงที่จะทำให้สินค้าดูน่าทานเท่านั้น แแต่ไม่ใช่คำตอบที่จะทำให้อาหารมี Shelf life ที่นานขึ้น
ขั้นตอนที่ 2 : หลังจากทดลองขั้นตอนการผลิตและพัตนา จนได้สินค้าที่มีคุณภาพที่สุดแล้ว ก็ต้องมาเลือกวิธีการบรรจุก่อน แต่เนื้อหา Topic ของเราพูดถึงประเภทของทอด จะมีอยู่ไม่กี่วิธีเท่านั้น
**อาหาร เหม็นหืน เปลี่ยนสี เปลี่ยนกลิ่นเพราะอะไร **
เพราะเชื่อโรค และเชื่อโรคเจริญเติมโตได้ดีในอากาศ (หรือแบบยากๆคือ ในอากาศมีก๊าซออกซิเจน ทำให้จุลินทรีย์และแบททีเรียที่ใช้อากาศเจริญเติบโตได้ คือทำให้เกิดการ ออกซิเดชัน จึงเป็นผลทำให้เกิดการเปลี่ยนสี และกลิ่น)
วิธีแก้คือ ถ้าไม่เอาเชื้อโรคออก ก็ต้องเอาอากาศออก หรืออะไรอะไรก็ตามที่เป็นตัวแปร ในการที่ทำให้อาหารเน่าออกไปแทน
ถ้าลูกค้าต้องการเอาเชื้อโรคออก วิธีนี้ผมขอตัดทิ้ง เพราะต้องเป็นระดับ Commercial เท่านั้น SME อีกอย่างผมยังไม่มีความรู้เรื่องนี้ซักเท่าไหร่
อีกวิธีนึงที่ได้รับความนิยมสูง เหมาะกับเราๆ คือ การหาอะไรไปใส่แทน อากาศ (Oxygen) ส่วนใหญ่จะนิยม ก๊าซไนโตรเจน เพราะ ไม่เป็นอันตราย ใช้งานง่าย ลงทุนน้อย และยืดระยะเวลาบรรจุได้นานกว่าเดิม 5-10 เท่า
หรือถ้าไม่อยากใช้เครื่องจักรมากมาย สามารถใช้ ตัว Oxygen Absorber สำหรับอาหารแทนไปก่อนก็ได้ครับ จะเป็นซองไว้ใช้สำหรับดูดก๊าซออกซิเจน (ไม่ใช่ Silica gel นะครับ คนเข้าใจผิดเป็นจำนวนมาก)
แต่ละวิธีการใช้งานจะต่างกันพอสมควรควรเลือกตามความเหมาะสมด้วยนะครับ
Autometic Packing Machine
ขั้นตอนที่ 3 : ขั้นตอนนี้น่าจะต้องเลือก Packaging แล้ว Packages มีหลายแบบ ต้องมาดูว่าเลือกแบบไหนดี เป็นถุง เป็นกล่อง เป็นซอง แบบไหนที่จะเหมาะสมกับสินค้าของเรา
ถ้างบเยอะ ผมแนะนำเครื่องบรรจุอัติโนมัติจะดีที่สุด เพราะสามารถบรรจุได้ปริมาณที่มาก ใช้เวลาน้อย ดูสวยงามเป็นมืออาชีพ และคุมคุณภาพได้ดีที่สุด
Semi-auto Packing Machine (เครื่องซีลแบบสายพาน)
แต่ถ้างบน้อย อยากเริ่มทำ Phototype Product หรือสินค้าทดลองขายในจำนวนไม่มาก ลองดูพวกบรรจุภัณฑ์สำเร็จรูปก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะคุมต้นทุนคุณได้
และถ้าต้องการถุงสำเร็จรูป สามารถสั่งทางหน้าเว็บของเราได้เลย
ถุงของทางร้านส่วนใหญ่สามารถใช้กับเครื่องซีลสายพานแบบเติมก๊าซไนโตรเจนได้
Conclusion : ถ้าคุณทำมาถึงขั้นตอนนี้ได้แล้ว แสดงว่าคุณมีความพยายามจริงๆ เพราะ 3 ขั้นตอนนี้จะเป็นเวลาที่ใช้ความคิด และการทดลองยาวนานที่สุดและเป็นส่วนสำคัญที่สุดของ สินค้าคุณ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับการทำการตลาด ของคุณแล้ว และขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จเหมือนกับลูกค้าของเราหลายๆคนที่ ไปถึงจุดที่สั่งผลิตถุงเอง วางขายใน Grocery store กันแล้ว เราขอเป็นทางผ่านให้ทุกคนไปสู่ความสำเร็จครับ
Tip: อย่าท้อครับ ทำมา 10 Products สำเร็จแค่ 1 ตัวก็คุ่มค่าแล้ว
ความรู้เรื่องพวกนี้ผมมีไม่เยอะแต่ เคยศึกษาและอยากแชร์ข้อมูลที่เคยทำมา คราวหน้าจะพูดถึง สินค้าประเภทอื่นต่อไปนะครับ
ใครต้องการสอบถามหรือแนะนำเพิ่มเติมบอกได้นะครับ (เขียนถูกเขียนผิด หรือข้อมูลผิดถูกยังไงต้องขออภัยด้วยนะครับ แต่ที่เขียนมาทั้งหมดนี่เกิดจากประสบการณ์ของตัวเองล้วนๆ 100% )
ถ้าต้องการ นำไป rewrite หรือ copy บทความ ขอความกรุณาให้ Credit เว็บ www.cm-packing.com ด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ
CMPACKING
บริษัท เอ ไอ โอ เทรดดิ้ง จำกัด